|
|
การตั้งถิ่นฐาน
เมืองจันบุรีเป็นชุมชนโบราณเก่าแก่มีอายุมากกว่า
1,000 ปี ยังมีร่องรอยอารยธรรมโบราณของชุมชนก่อนประวัติศาสตร์
ที่มีอายุไม่น้อยกว่า 6,000 - 4,000 ปี หลักฐานที่ปรากฏทั้งด้านมานุษยวิทยาศิลปะและประวัติศาสตร์
แสดงให้เห็นถึงการ
ตั้งถิ่นฐาน การเติบโตอย่างกว้างขวางในท้องถิ่น การขยายตัวติดต่อค้าขายกับต่างถิ่น
การรับและถ่ายทอดการผสมผสาน
ทางวัฒนธรรม ซึ่งมีการพัฒนาการยาวนานต่อมาจนกระทั่งเป็นเมืองจันทบุรีในปัจจุบัน |
|
|
|
สมัยก่อนประวัติศาสตร์จันทบุรี
สมัยก่อนประวัติศาสตร์จันทบุรีเป็นการศึกษาเรื่องราวของจันทบุรีในอดีตจากหลักฐานต่าง
ๆ ที่พบ โดยการสำรวจและ
ขุดค้นแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์บริเวณพื้นที่จังหวัดจันทบุรี
การศึกษาในทางโบราณคดีแยกศึกษาได้
อย่างกว้าง ๆ เป็น 2 ยุคสมัย คือ |
|
|
|
โบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์
( Prehistoric Archaeology ) คือ
ช่วงเวลาก่อนที่จะมีประวัติศาสตร์เป็นลายลักษณ์อักษร
จึงครอบคลุมเพียงแต่ช่วงเวลาที่เกิดบรรพบุรุษรุ่นแรกของคน
วัฒนธรรมของคนในโลกมาถึงช่วงที่คนเริ่มจดบันทึกเท่านั้น จุดเริ่มต้นของสมัยก่อนประวัติศาสตร์ซึ่งยึดหลักฐานทาง
วัฒนธรรมกำหนดนั้น ในแต่ละภูมิภาคต่าง ๆ ในโลกจะเกิดขึ้นไม่พร้อมกัน
เนื่องจากการอพยพ การตั้งถิ่นฐาน
ตลอดจนวิวัฒนาการของมนุษย์ |
|
|
|
โบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์ ( Historic
Archaeology ) เป็นช่วงเวลาที่มีประวัติศาตร์เป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว
หลักฐานต่าง ๆ เหล่านั้นเรียกหลักฐานทางประวัติศาสตร์
( HistoricalEvidences ) ได้แก่ จารึก ตำนาน พงศาวดาร ปูมโหร ปูมแพทย์
บันทึกการเดินทาง จดหมายเหตุเนื่องจาก
มนุษย์ในดินแดนต่าง ๆ ของโลกเริ่มทำการบันทึกเวลาต่าง ๆ ไม่พร้อมกัน
การสิ้นสุดของสมัยก่อนประวัติศาสตร์ หรือ
เริ่มต้นของสมัยประวัติศาสตร์ในดินแดนต่าง ๆ ของโลกจึงปรากฏขึ้นในเวลาที่แตกต่างกัน
ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของสมัยก่อนประวัติศาสตร์และสมัยประวัติศาสตร์ของบางภูมิภาคจะเป็นช่วงที่พบหลักฐานทางภาษา
หรือตัวหนังสือ แต่ไม่สามารถอ่านหรือนำมาเป็นข้อมูลประวัติศาสตร์ได้
จึงเรียกช่วงเวลานี้ว่า สมัยกึ่งก่อนประวัติศาสตร์
( Proto History )
|
การศึกษาประวัติของจังหวัดจันทบุรีที่ผ่านมาจะศึกษาจากตำนานเรื่องเมืองกาไวและพระนางกาไวเรื่องราวของตำนาน
จะเชื่อมโยงถึงวัดทองทั่ว ตำบลคลองนารายณ์ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี
ซึ่งพบทับหลังลักษณะศิลปะถาลาบริวัตรต่อ
สมโบร์ไพรกุก พ.ศ. 1150 ( สุภัทรดิศ ดิศกุล : 2504 ) และทับหลังแบบศิลปะไพรกเมง
พ.ศ. 1180 - 1250 เป็น
เบื้องต้น ต่อจากนั้นจะศึกษาจากหลักฐานในหนังสือฝรั่งเศสชื่อ แคมโบช
ซึ่งชาวฝรั่งเศสชื่อ ม. อิติเมอร์ เขียนไว้เมื่อ
พ.ศ. 2444 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ศึกษาเรื่องราวของเมืองจันทบุรีจากการที่พระเจ้าอู่ทองทรงสร้างกรุงศรีอยุธยาขึ้นใน
ปี พ.ศ.1893 แล้วทรงประกาศว่ากรุงศรีอยุธยามีประเทศราชอยู่ 16
หัวเมือง ในจำนวนนั้นมีชื่อเมืองจันทบุรีช่วงปลาย
สมัยกรุงศรีอยุธยาศึกษาจากเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่พม่ายกทัพมาตีและล้อมกรุงศรีอยุธยาสมเด็จพระเจ้าตากสิน
มหาราชเมื่อครั้งยังเป็นพระยาวชิราปราการ ได้นำกำลังตีฝ่าวงล้อมของพม่ามายึด
เมืองจันทบุรีไว้เป็นแหล่งสะสมอาหาร
รวบรวมพลเพื่อกอบกู้กรุงศรีอยุธยาต่อไปในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ศึกษาจากเรื่องราวในสมัยรัชกาลของพระบาทสมเด็จ
พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 ไทยเกิดกรณีพิพาทกับญวน ถึงต้องทำสงครามกันด้วย
เรื่องเจ้าอนุวงศ์ พระบาทสมเด็จ
พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเกรงว่าญวนจะยึดเมืองจันทบุรี ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งทะเลทางทิศตะวันออกเป็นที่มั่นเพื่อทำการ
ต่อสู้กับไทย จึงโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างป้อมค่ายและเมืองขึ้นใหม่ที่บ้านเนินวง
ซึ่งปัจจุบันคือโบราณสถานค่ายเนินวงรวม
ทั้งโปรดเกล้าฯ ให้สร้างป้อมไพรีพินาศและป้อมพิฆาตปัจจามิตรที่หัวหาดแหลมสิงห์
อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
พ.ศ. 2436 ( ร.ศ.112 ) ไทยกับ
ฝรั่งเศสเกิดกรณีพิพาทด้วยเรื่องดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง จนถึงขั้นปะทะกันด้วยอาวุธ
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 1436
จะเห็นได้ว่าการศึกษาประวัติศาสตร์ของจังหวัดจันทบุรีที่ผ่านมาเป็นการศึกษาทางโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์ |
|
|
|
หลักฐานสมัยก่อนประวัติศาสตร์
การสำรวจและขุดค้นแหล่งโบราณคดีตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2535 จนถึงปัจจุบันพบแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์
บริเวณพื้นที่จังหวัดจันทบุรีจำนวน หลายแห่ง ทำให้การศึกษาประวัติศาสตร์ของจังหวัดจันทบุรี
มีรายละเอียดทั้งแนว
กว้างและแนวลึกมากขึ้น เรื่องราวสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เริ่มต้นตั้งแต่การพบหลักฐานทางโบราณคดีที่เป็นร่องรอย
ของคนในอดีตที่อาศัยอยู่และดำรงชีวิตในบริเวณพื้นที่ของจันทบุรี
หลักฐานที่พบเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ของคนสมัย
ก่อนประวัติศาสตร์ มีอายุประมาณ 10,000 - 6,000 ปีมาแล้ว ต่อเนื่องถึงหินใหม่ตอนปลาย
มีอายุประมาณ 4,000 -
2,000 ปีมาแล้ว รวมถึงยุคโลหะที่คนรู้จักการทำสำริดและเหล็ก คือ
เมื่อประมาณ 1,500 ปีมาแล้ว เข้าสู่สมัย
พุทธศวรรษที่ 12 ได้พบจารึกเพนียด ( หลักที่ 52 )ถือว่าสมัยก่อนประวัติศาสตร์จันทบุรีได้สิ้นสุดลงและเริ่มเข้า
สู่สมัยประวัติศาสตร์
|
|
|
|
การตั้งถิ่นฐานเมืองจันทบุรีในยุคประวัติศาสตร์
ประมาณพุทธศตวรรษที่
11 - 18 ได้พบหลักฐานชุมชนสมัยประวัติศาสตร์ในจันทบุรี เป็นเมืองโบราณเก่าแก่ซึ่งน่าจะมี
อายุถึงปลายสมัย ฟูนัน ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12 เป็นชุมชนที่ได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมศิลปะศาสนาจากขอมโบราณ
ซึ่งปรากฏหลักฐานในหนังสือฝรั่งเศส ชื่อ "แคมโบช" (Le
Cambodge) เขียนโดยมองสิเออร์ เอเตียนน์ เอโมนิออร์
(Etienne Aymonier) ปี พ.ศ. 2444 ว่ามีบาทหลวงองค์หนึ่งพบศิลาจารึก
ภาษาสันสกฤตที่ตำบลเขาสระบาป ในศิลาจารึก
มีข้อความว่า เมื่อพันปีล่วงมาแล้วมีเมือง ๆ หนึ่งชื่อว่า "
ควนคราบุรี " เป็นเมืองที่มีอาณาเขตกว้างขวางตั้งอยู่บริเวณ
บ้านเพนียด บ้านสระบาป ตำบลคลองนารายณ์ อำเภอเมือง ผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้างประมาณ
1 กิโลเมตร
ยาวประมาณ 2 กิโลเมตร ร่องรอยทางด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดีของชุมชนโบราณในจังหวัดจันทบุรีในสมัยยุค
ประวัติศาสตร์นั้นปรากฏชัดเจนราวพุทธศตวรรษที่ 11 แต่อาจจะมีชุมชนตั้งหลักแหล่งอยู่ก่อนแล้ว
และขยายตัวขึ้นเป็น
ชุมชนขนาดใหญ่ระดับเมือง หลักฐานที่แสดงให้เห็นว่ามีการตั้งถิ่นฐานนั้นอยู่ณบริเวณวัดทองทั่วและพื้นที่บริเวณใกล
้เคียง ตำบลคลองนารายณ์อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี ภูมิประเทศเป็นที่ราบหน้าเขาสระบาปที่มีลำน้ำคลองนารายณ์
ไหลลงมาจากเขาสระบาปทางตอนเหนือ ผ่านไปออกสู่แม่น้ำจันทบุรีทางตะวันออกเฉียงใต้
บริเวณที่พบแหล่งโบราณสถาน
มี 4 แห่ง คือ |
|
|
|
1.
เนินโบราณสถานวัดเพนียด (ร้าง)
2.
โบราณสถานเพนียด
3.
เนินโบราณสถานใกล้วัดทองทั่ว
4.
เนินโบราณสถานวัดสมภาร (ร้าง)
#
จากภาพถ่ายทางอากาศพบว่าตัวเมืองมีผังเมืองเกือบเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส
แนวถนนสุขุมวิทพาดผ่านในแนวเฉียง
เนินโบราณสถานที่เก่าที่สุดตามหลักฐานที่พบคือ จารึก ทับหลัง เสาประดับ
กรอบประตู เคยเป็นที่ตั้งของวัดเพนียด
ที่ปัจจุบันเหลือเพียงเนินขนาดใหญ่ฐานล่างก่อด้วยอิฐ ลึกจากพื้นดินปัจจุบันลงไปประมาณ
4 เมตร เนินดินเป็นรูป
สี่เหลี่ยมผืนผ้า นอกจากนี้ยังปรากฏร่องรอยของแนวศิลาแลงยาวประมาณ
15 เมตร หลักฐานทางโบราณคดีที่พบทำให้
สันนิษฐานได้ว่า บริเวณนี้คงมีชุมชนอยู่อย่างหนาแน่นพอสมควรในราวพุทธศตวรรษที่
11 และเมื่อมีการขยายชุมชน
ออกไปพร้อมกับสภาพทางการเมืองที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของขอมโบราณตั้งแต่สมัยแคว้นเจนละเป็นต้นมาปรากฏว่า
สอดคล้องกับหลักฐานทางสถาปัตยกรรม ซึ่งได้แก่ ทับหลังแบบถาลาบริวัตรและทับหลังแบบสมโบร์ไพรกุก
ราวพุทธ-
ศตวรรษที่ 12 ทับหลังแบบไพรกเมง ราวพุทธศวรรษที่ 13 เสาประดับกรอบประตูในศิลปะขอมสมัยก่อนเมืองพระนคร
จารึก ๒ หลัก กำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ 14 ภาชนะดินเผาเป็นกระปุกทรงลูกจัน
รูปแบบอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่
15 - 16 ไหเท้าช้าง ซึ่งเป็นที่นิยมมากในพุทธศตวรรษที่ 17 - 18
เป็นต้นมา
#
เนินโบราณสถานบริเวณวัดสมภาร (ร้าง) ได้แสดงให้เห็นถึงการขยายชุมชนออกไป
บริเวณนี้สันนิษฐานว่าน่าจะ
เป็นศาสนสถานเช่นกัน เนื่องจากได้พบประติมากรรมขนาดเล็กในอิทธิพลของศิลปะขอมแบบนครวัด
ราว พ.ศ. 1650 -
1725 ประติมากรรมที่พบมีทั้งสลักจากศิลาและทำด้วยสำริดนอกจากนี้ยังได้พบหลักฐานทางด้านสถาปัตยกรรมที่หลงเหลือ
อยู่น้อย ได้ถูกเคลื่อนย้ายมาไว้ที่บริเวณวัดสระบาปที่อยู่ใกล้เคียงกัน
#
เนินโบราณสถานบริเวณใกล้กับวัดทองทั่ว ในพื้นที่นี้ใช้ศิลาแลงเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง
ในบริเวณนี้ยังได้
พบเศียรประติมากรรมรูปเคารพขนาดเล็กสลักจากศิลาทรายสีแดง กำหนดได้ว่าเป็น
ศิลปะร่วมในศิลปะขอมแบบบายน
ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘
#
หลักฐานที่หลงเหลืออยู่อย่างชัดเจนก็คือโบราณสถานเพนียด ซึ่งใช้ศิลาแลงเป็นวัสดุในการก่อสร้างทั้งหมดการ
ใช้ศิลาแลงเป็นวัสดุก่อสร้างนั้น เป็นรูปแบบการก่อสร้างที่สำคัญในศิลปะขอมแบบบายน
ซึ่งอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 18
ดังเช่น ปราสาทเมืองสิงห์ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นต้น โบราณสถานเพนียดนี้แต่เดิมมี
๒ แห่ง สร้างคู่กันในแนวเหนือใต้
ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงแห่งเดียว
#
ต่อมาได้มีการย้ายเมืองมายังบริเวณบ้านหัววัง เรียกกันว่า เมืองพุงทะลาย
แต่ทำเลบริเวณนี้ไม่เหมาะสม น้ำท่วม
เป็นประจำ จึงทำให้มีการย้ายเมืองอีกครั้งมายังบริเวณบ้านลุ่ม
ริมแม่น้ำจันทบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งของตัวเมืองในปัจจุบัน
#
ดังนั้น จึงอาจสันนิษฐานได้ว่า ชุมชนบริเวณนี้คงจะมีการตั้งถิ่นฐานอย่างค่อนข้างหนาแน่นราวพุทธศตวรรษที่
11
เป็นต้นมา ในรูปแบบสังคมเกษตรกรรม ได้รับอิทธิพลทางด้านศิลปะและสถาปัตยกรรมร่วมสมัยกับขอมคติความเชื่อทาง
ศาสนาทั้งศาสนาพราหมณ์ ศาสนาพุทธ การนับถือผีของชนพื้นเมืองที่เรียกว่า
ชาวชอง มีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี
ในระดับหนึ่ง ซึ่งอาจได้รับการถ่ายทอดจากชุมชนอื่นร่วมสมัยเดียวกัน
เป็นชุมชนเปิดที่มีการคมนาคมสะดวกทั้งทางบก
และทางทะเล สามารถติดต่อกับชุมชนภายนอกได้ รวมทั้งมีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญคือ
เขาสระบาปและแม่น้ำ
จันทบุรี พื้นที่ลุ่มเหมาะสมกับการทำเกษตรกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่สำคัญในการตั้งถิ่นฐานและการขยายตัวของ
ชุมชนจนกระทั่งเป็นเมือง ซึ่งในตำนานพื้นเมืองเรียกกันว่า เมืองเพนียดหรือ
เมืองนางกาไวมีระบบการปกครองที่มี
กษัตริย์เป็นเจ้าเมือง |
|
|
|
|
|
|