ความเป็นมา
เนื่องจากประเพณีการนุ่งห่มของพระสงฆ์ กล่าวคือ สมัยพุทธกาล พระสงฆ์ทั้งหลายต้องเก็บเศษผ้าที่ชาวบ้านทิ้งแล้ว เพราะเปรอะเปื้อนด้วยของไม่สะอาด เป็นต้น จากที่ต่าง ๆ เอามาซัก ตัด เย็บย้อม ทำผ้านุ่งห่มดูเป็นเรื่องที่ลำบากพอสมควร ชาวบ้านบางท่านประสงค์จะถวายผ้าแต่พระสงฆ์ก็รับไม่ได้ เพราะพระพุทธองค์ไม่ทรงอนุญาตให้รับเพราะเกรงว่าจะเป็นการรบกวนชาวบ้าน และฟุ่มเฟือยเกินไป เมื่อเป็นเช่นนี้ ชาวบ้านจึงคิดหาวิธีที่จะให้พระสงฆ์มีผ้านุ่งห่มอย่างเพียงพอ โดยการนำผ้าไปทิ้งไว้ตามที่ต่าง ๆ พระสงฆ์ไปพบเข้าพิจารณาดูแล้วไม่มีเจ้าของหวงแหน จึงนำมาทำเป็นผ้านุ่งห่ม นี่เป็นมูลเหตุของการทอดผ้าป่า โดยจุดประสงค์รวม ๆ ก็คือ อุปถัมภ์พระสงฆ์ให้มีผ้านุ่งห่มนั่นเอง
ต่อมาพระพุทธองค์ ทรงเห็นความจำเป็นและความลำบากของพระสงฆ์ในเรื่องผ้านุ่งห่ม จึงทรงอนุญาตให้พระสงฆ์รับผ้าจากผู้มีจิตศรัทธาได้
ฉะนั้น การทอดผ้าป่า จึงเป็นแต่สมัยพุทธกาลประเทศไทยเราก็คงรับประเพณีนี้มาพร้อม ๆ กับการยอมรับนับถือพระพุทธศาสนา แต่คงเป็นกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาที่ไม่เด่นชัดนัก จนมาในสมัยรัชกาลที่ 4 ประเพณีการทอดผ้าป่าจึงได้รับการรื้อฟื้นขึ้นใหม่จนเป็นที่นิยมปฏิบัติของ ชาวพุทธไทยเราตราบเท่าทุกวันนี้
กำหนดการจัดงาน
ไม่กำหนดแน่นอน จะทอดเมื่อไรก็ได้ แต่นิยมทอดกันในช่วงจวนออกพรรษาหรือออกพรรษาใหม่ ๆ
พิธีการ
การทำบุญของชาวพุทธเมืองกำแพงเพชร ที่แปลกไปกว่าเมืองอื่น ๆ เมื่อถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาและเทศกาลวันสำคัญของไทย ชาวบ้านจะพร้อมกันมาทำบุญที่วัดทั้ง 3 คือ วัดคูยาง วัดบาง และวัดเสด็จ โดยแบ่งบุญต่าง ๆ ไปตามวัดทั้ง 3 ดังนี้ บุญตรุษ (สิ้นเดือน 4) บุญเข้าพรรษา (กลางเดือน6) และบุญออกพรรษา (กลางเดือน 11) ทำที่วัดเสด็จ บุญสงกรานต์ (13 เมษายน) บุญสารทไทย (สิ้นเดือน 10) และบุญผ้าป่าแถว (เพ็ญเดือน 12) ทำที่วัดบาง
คราวนี้ มาว่าถึงผ้าป่าแถวก็จะมีขึ้นในวันเพ็ญเดือน 12 ณ วัดบาง โดยมีรายละเอียดที่ควรทราบ ดังนี้ เมื่อถึงวันดังกล่าว ทางวัดจัดเตรียมสถานที่ โดยปักหลักสำหรับพาดพุ่มผ้าป่าแถว ไว้เป็นแถว ๆ รวมประมาณ 300-400 หลัก จัดทำสถานที่ขึ้น 2 ชุด ชุดที่ 1 สำหรับพระสงฆ์จับตามจำนวนของพระสงฆ์ ทั้ง 3 วัด ในปีนั้น ๆ ชุดที่ 2 สำหรับสาธุชนทั่วไปจับ จำนวนเลขก็เท่ากับจำนวนพระสงฆ์ แต่อาจมีหลายรอบ กล่าวคือ เมื่อรอบแรกหมดก็จับรอบสองรอบสามต่อไปเรื่อย ๆ ฉะนั้น พระสงฆ์รูปหนึ่งอาจได้ผ้าป่าหลายกอง ถ้ามีสาธุชนมาร่วมพิธีมาก
สำหรับสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาก็จะพากันจัดพุ่มผ้าป่า (ของใช้ต่าง ๆ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือผ้า) นำไปที่วัดบางในตอนค่ำ เมื่อไปถึงก็ไปจับสลากแล้วนำพุ่มผ้าป่าไปวางไว้ตามหลักที่ยังว่าง (ไม่มีการเรียงลำดับไว้ให้) แล้วเอาสลากที่จับไปติดไว้ที่พุ่มผ้าป้าของตนให้พระสงฆ์เดินดูแล้วมองเห็นได้ง่าย เมื่อถึงเวลาประมาณ 20.00 น. พระสงฆ์มาพร้อมกัน แล้วนำสลาดไปให้พระสงฆ์จับเสร็จแล้วก็เริ่มพิธีโดยกราบพระรับศีล ถวายผ้าป่าไปตามลำดับเสร็จแล้วพระสงฆ์จะเดินไปตามแถวผ้าป่า เพื่อชักพุ่มผ้าป่าที่ติดเลขตรงกับเลขของท่าน โดยแสดงเลขสลากให้เจ้าของพุ่มผ้าป่าให้เห็นด้วย ส่วนรูปหนึ่งจะได้กี่พุ่มกี่กองนั้นก็ขึ้นอยู่กับรอบของสลาก สาธุชนจับไป ซึ่งพิธีกรก็จะชี้แจงให้ท่านทราบว่าในครั้งนี้มีกี่รอบ หมายความว่าเลขนี้จะมีกี่ครั้งนั่นเอง
เมื่อเสร็จแล้วพระสงฆ์ก็จะกลับมายังอาสนะ เพื่ออนุโมทนียถา – สัพพี สาธุชนก็นั่งคอยกรวดน้ำรับพรอยู่ ณ ที่เดิม หลังจากนั้นก็มีมหรสพให้ผู้มาทอดผ้าป่าได้ชม บางปีไม่มีมหรสพ และต่อจากนั้นก็พากันไปลอยกระทงที่หาดทรายริมแม่น้ำปิง นี้เป็นประเพณีการทอดผ้าป่าแถวของเมืองกำแพงเพชรที่มีเอกลักษณ์ควรอนุรักษ์ อย่างยิ่ง
|